VDO สอนทำเว็บไซต์ (Microsite)

สำหรับ VDO ตัวนี้แอดมินจะมาสอนเรื่องการใส่รายละเอียด และข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปโชว์ให้ลูกค้าเห็น และติดต่อเข้ามาที่เจ้าของเว็บโดยตรง ซึ่งจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย



สอบถามข้อมูล หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม
✅ ทักแชทเลย m.me/skbrokerdotcom
✅ LINE: @724insurephuket
✅ LINE: @skbroker
https://lin.ee/tVti5O4
✅ โทร 083-9690676

#724Affiliate #สมัครขายประกัน #รายได้เสริม #นายหน้าประกัน #ขายประกันออนไลน์


วิธีขับรถลุยน้ำท่วม และการดูแลหลังขับรถลุยน้ำ

ช่วงนี้เป็นหน้าฝน หลายท่านอาจเผชิญปัญหาต้องขับรถลุยน้ำท่วม เราจึงอยากแนะนำวิธีการขับรถลุยน้ำท่วม และการดูแลหลังจากขับรถลุยน้ำท่วมให้กับทุกท่าน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณและรถที่คุณรัก

1. ก่อนถึงจุดน้ำท่วมต้องลดความเร็วลง เพราะหากขับรถมีความเร็วผ่านบริเวณน้ำขัง รถจะเบาและอาจเสียการทรงตัวได้อันตราย จะคุมรถไม่อยู่ โดยอย่าให้ความเร็วมากกว่า 60-80 กม. ต่อ ชม.

2. แล้วจะรู้ได้ไงว่าระดับน้ำขนาดไหนที่จะขับผ่านได้? ถ้าเป็นรถเก๋งก็ดูประมาณไม่เกิน 30 ซ.ม.(ฟุตนึงพอดี) ก็ประมาณครึ่งล้อ หากยังขืนลุยต่อโอกาสเครื่องดับก็มี

3. ถ้าจำเป็นต้องลุยกันจริง ๆ สำหรับรถเก๋ง อันดับแรกให้ปิดระบบเครื่องปรับอากาศในรถ พร้อมเปิดกระจกระบายอากาศ ที่ให้ปิดระบบแอร์เพราะใบพัดอาจพัดน้ำเข้าเครื่องได้ หรือเข้าระบบไฟฟ้าได้

4. ขณะขับลุยน้ำให้ใช้เกียร์ต่ำ คือเกียร์ 1-2 และรักษาอัตราเร่งไว้ให้ได้ประมาณ 1500-2000 รอบ ต่ำกว่านี้เครื่องอาจดับ สูงกว่านี้อาจจะดูดอากาศและน้ำเข้าเครื่องได้อีก

5. ขณะขับลุยน้ำให้รักษาระยะห่างคันหน้าให้มาก เพราะระบบเบรกของท่านแช่น้ำอยู่ประสิทธิภาพต่ำลงเยอะ และถ้าพ้นน้ำแล้วก็ให้ขับช้า ๆ และเบรกเป็นช่วง ๆ เพื่อให้ผ้าเบรกแห้ง ถ้าดิสเบรคจะแห้งเร็ว แต่ถ้าดรัมเบรคจะแห้งช้ากว่า ระวังข้อนี้ให้ดีนะคะ

6. และสุดท้าย หากเครื่องดับกลางน้ำให้หาคนช่วยย้ายรถไปตำแหน่งที่น้ำไม่ท่วม และอย่าสตาร์ทรถ เพราะยิ่งสตาร์ท น้ำจะยิ่งเข้าระบบเครื่องยนต์

และฝากสำหรับรถที่อาจเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม หากรู้ตัวให้รีบถอดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ออกขั้วใดขั้วหนึ่ง หรือทั้งสองขั้ว ให้ระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน จะผ่อนหนักให้เป็นเบา และหากถูกน้ำท่วมทั้งคัน ก็ให้เปลี่ยนของเหลวในรถยนต์ใหม่ทั้งหมด เช่น น้ำมันเครื่อง,น้ำบันเบรค,น้ำมันเกียร์ เป็นต้น

แต่ทางที่ดีรถไม่ควรขับลุยน้ำเพราะเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกกับน้ำนะครับ ถ้าใครที่รถถูกน้ำท่วม แล้วมีประกันรถยนต์ก็สามารถเคลมได้นะ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในแต่ละกรมกธรรม์)

ส่วนใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่คุ้มครองคุณ 24 ชั่วโมง และบริการเสริมที่พร้อมกว่าใคร อย่าลืมเลือกประกันรถยนต์กับเรา


ประกันภัยออนไลน์

____________

ติดต่อสอบถาม :คุณสุกัญญา จิตต์บุรุษ
(เลขที่ใบอนุญาต 6104029763)
___________
โทร 093-7408246, 083-9690676
______________
Line ID @724insurephuket
คลิ้กเพิ่มเพื่อนได้ที่ https://lin.ee/3KL2OLt

ติวสอบบัตรนายหน้า

  1. เข้าสู่หน้าเว็บไซด์ของหลักของ บริษัทศรีกรุง โบรคเกอร์ จำกัด
    – แล้วกดเลือกไปที่หัวข้อ “บริการ” หรือกดที่ลิ้งค์ด้านล่าง
    https://www.srikrungbroker.co.th/newsk/ServiceDetail.aspx?PageID=97
บริการ

2. จากนั้น กดเลือกที่หัวข้อ Video อบรม
ซึ่งจะมีหัวข้ออบรมต่างๆ ดังนี้

First step
Nonmotor
Next Step
ติวสอบบัตรนายหน้า
ความรู้ระบบ MGM ฉบับเต็ม โดย เฮียศรีกรุง
อื่นๆ

ติวสอบบัตรนายหน้า

3. ในที่นี้ ให้กดที่หัวข้อ ติวสอบบัตรนายหน้า

Video อบรม



ติวสอบใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัย หัวข้อ ประกันอัคคีภัย และประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน


ติวสอบใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัย หัวข้อ ประกันภัยทางทะเล และขนส่งประกันภัยเบ็ดเตล็ด


ติวสอบใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัย หัวข้อ ประกันภัยรถยนต์


ติวสอบใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัย หัวข้อ จรรยาบรรณ , ประมวลกฎหมาย , พรบ , หลักการประกันภัย

ทำไมหน้าฝนต้องล้างรถบ่อย?

เมื่อเข้าฤดูฝนคนส่วนใหญ่อาจคิดว่าการล้างรถเป็นเรื่องไม่จำเป็น เพราะคิดว่าถึงจะล้างรถสะอาดแค่ไหน พอเจอน้ำฝนเข้าไปก็สกปรกเหมือนเดิมอยู่ดี แต่ความจริงแล้วความเชื่อเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิด ยิ่งเข้าหน้าฝน ยิ่งต้องล้างรถบ่อยเป็นพิเศษ สาเหตุเป็นเพราะอะไรนั้น ตามมาดูกันเลย


1. เกิดคราบฝังแน่นเอาไม่ออก เมื่อต้องขับรถบ่อยๆ ในช่วงฤดูฝนนั้น หากไม่มีการฉีดน้ำเพื่อทำความสะอาดรถทันทีเมื่อถึงบ้าน จะทำให้เกิดคราบฝังแน่นที่สีของรถจากน้ำที่เกาะตัวรถอยู่ได้ และยิ่งถ้ารถต้องจอดตากแดดแรงๆ เป็นเวลานานๆ เข้า โดยไม่มีการทำความสะอาดเลย คราบน้ำสกปรกก็อาจจะแห้งฝังเข้าไปถึงสีชั้นในของรถ ทำให้ทำความสะอาดคราบยากมากขึ้นจนถึงขั้นเอาไม่ออก ส่งผลเสียถึงสีรถในอนาคตได้อีกด้วย


2. เศษใบไม้ทำรถเป็นรอย หากรถที่ผ่านการขับลุยฝนมา แล้วต้องจอดไว้ใต้ต้นไม้หรือสถานที่ที่มีใบไม้ร่วงเยอะๆ อาจทำให้เศษใบไม้ในบริเวณนั้นปลิวมาติดที่ตัวรถได้ หากไม่มีการทำความสะอาดเศษใบไม้ทันที เมื่อแดดออกแล้วคราบน้ำแห้งสนิท เศษใบไม้ที่ติดอยู่อาจจะก่อให้เกิดรอยเลอะแบบฝังแน่น หรือรอยถลอกที่รถได้เช่นกัน

3. ดิน ฝุ่น เศษขยะ ทำรถเป็นรอย ถนนที่ใช้สัญจรส่วนใหญ่ มักจะมีเศษดิน เศษฝุ่นจากการก่อสร้าง รวมไปถึงเศษขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยตามข้างทางเต็มไปหมด และเมื่อรถของเรามีการเปียกฝนเกิดขึ้นก็จะทำให้เศษดินเศษฝุ่นเหล่านี้ปลิวมาติดได้ง่ายมากกว่าเดิม และถ้าปล่อยไว้นานเข้าโดยไม่มีการทำความสะอาดทันที นอกจากจะทำให้เป็นคราบฝังแน่นแล้ว อาจก่อให้เกิดรอยเปื้อนหรือรอยถลอกที่ส่งผลเสียต่อสีรถอีกด้วย

4. ความเสี่ยงจากฝนกรด หากที่พักอาศัยของคุณ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเยอะกว่าพื้นที่อื่นๆ นั่นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้คุณต้องล้างรถบ่อยๆ เช่นกันในช่วงฤดูฝน เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมจะมีการปล่อยควันในการทำงานทุกวัน เมื่อถึงช่วงที่ฝนตก ฝนที่ตกลงมาก็จะเกิดการปนเปื้อนกับฝุ่นควันในอากาศที่โรงงานได้ทำการปล่อยออกมา ทำให้น้ำฝนที่ตกกระทบกับตัวรถมีค่าความเป็นกรดสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวรถได้มากเช่นกัน

5. ล้อรถก่อให้เกิดคราบฝังลึก การขับรถบนพื้นถนนที่เปียกและเต็มไปด้วยแอ่งน้ำมากมาย ล้อรถของเราก็อาจจะดีดเอาเศษดินโคลนต่างๆ มาโดนที่ตัวรถได้ และหากไม่มีการทำความสะอาดทันที ปล่อยให้เกิดเปื้อนสิ่งสกปรกซ้ำแล้วซ้ำอีก จะทำให้คราบต่างๆ ฝังแน่นจนรถดูสกปรกไม่น่ามอง และทำความสะอาดได้ยากยิ่งขึ้น

ดังนั้นการขับรถในช่วงหน้าฝน ควรล้างรถให้บ่อยมากขึ้นกว่าปกติ ยิ่งโดยเฉพาะวันที่ฝนตกหนักๆ ใช้รถทั้งวันแล้วมีการเลอะคราบดินโคลน หรือเศษฝุ่น เศษขยะต่างๆ นอกจากนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ควรจอดรถในที่แห้งและมีหลังคาปกคลุมอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมาเกาะที่ตัวรถจนเกิดคราบเพราะอาจจะทำให้รถเป็นสนิมหรือรอยถลอกได้ง่าย แค่การล้างรถบ่อยๆ ช่วงหน้าฝนเพียงเท่านี้ ก็สามารถยืดอายุการใช้งานตัวรถให้มีสีสันสวยงามเหมือนใหม่อยู่ตลอดได้แล้ว