ประเภทรถบรรทุก (รถใหญ่) ที่รับประกันภัย

ประกันภัยรถยนต์ ประเภทรถบรรทุก (รถใหญ่)

รถบรรทุก หรือ รถใหญ่ เป็นรถที่ใช้สำหรับเชิงพาณิชย์เพื่อการบรรทุกสินค้าที่หลากหลายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง โดยบริษัท นำสินประกันภัย รับประกันภัยทั้งการใช้ภายในประเทศ และ สามารถขยายความคุ้มครองข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้

ลักษณะรถบรรทุกที่ใช้มักจะขึ้นกับลักษณะสินค้าที่ใช้ขน เช่น รถหัวลาก ซึ่งมีกำลังเครื่องยนต์มากที่สุดจะใช้ขนตู้ container ที่มีสินค้าอยู่ภายในไปทั้งตู้ ในขณะที่รถสิบล้อ หรือ รถหกล้อ จะใช้ขนสินค้าได้หลายแบบ เช่น ขนดิน, ขนทราย, หรือสินค้าอุปโภคบริโภค และใช้ผ้าใบคลุมเอาไว้ หรือ ต่อตู้ทำเป็นตู้ทึบ เพื่อป้องกันสินค้าเปียกน้ำ หรือ ต่อตู้เย็น(ตู้ที่มีเครื่องทำความเย็น) เพื่อใช้ขนสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ 

การเลือกทำประกันประเภทรถบรรทุก มีการแบ่งประเภทของประกันเหมือนๆ กับประกันภัยรถยนต์ทั่วไป อย่าง ประกันชั้น 1 , 2 และ 3 โดยจะมีการกำหนดอายุ ขนาดของรถบรรทุก ในการเลือกทำประกันบรรทุกที่เหมาะสมที่สุด ดังนี้

ประกันชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุด คือ คุ้มครองตัวรถเอาประกันทุกกรณี และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับรถที่ยังไม่หมดภาระไฟแนนซ์ หรือ รถที่อายุไม่เกิน 15 ปี

ประกันชั้น 2 คุ้มครองตัวรถเอาประกันกรณีสูญหาย ไฟไหม้ และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับผู้ประกันที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยประกันภัยลง

ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นการประกันภัยขั้นต่ำที่ผู้ประกอบการทุกคน ต้องทำติดไว้ เพราะรถบรรทุกนั้นมีขนาดใหญ่ ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีความรุนแรงที่มากกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก


ประเภทรถบรรทุก (รถใหญ่) ที่รับประกันภัย มีดังนี้

รหัสรถ 320 : รถยนต์บรรทุกเพื่อการพาณิชย์
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์

รถบรรทุกตู้แห้ง หรือ ตู้เย็น

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะเป็นตู้ทึบ และมีหลังคาและตัวถังที่บรรทุกระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับเป็นตอนเดียว โดยจะมีประตูบานใหญ่ไว้สำหรับให้ผู้โดยสารขึ้นลง หรือจะเลือกเปิดท้ายก็ได้ มีน้ำหนักไม่เกิน 12 ตัน มี 4 ล้อ หรือ 6 ล้อ


รถบรรทุกยกเทได้ (รถดั๊มพ์)

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะด้านหน้าเหมือนกับรถบรรทุกตู้แห้ง แต่ส่วนท้ายจะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า โดยส่วนมากใช้บรรทุกหิน ดิน ทราย ปูน อิฐ เป็นต้น มีน้ำหนักเกิน 12 ตัน มี 6 ล้อ


รถบรรทุกโม่ปูน

จัดเป็นรถบรรทุกเฉพาะกิจ ใช้ในกิจการใดกิจการหนึ่งโดยเฉพาะ โดยรถโม่ปูน หรือ รถโม่ผสมคอนกรีตมี 2 ประเภท คือ รถโม่ผสมคอนกรีตขนาดใหญ่ หรือรถโม่ใหญ่ นิยมใช้เป็นรถ 10 ล้อ(รถสิบล้อบรรทุกคอนกรีต) และรถโม่ผสมคอนกรีตขนาดเล็กหรือรถโม่เล็กนิยมใช้เป็นรถ 6 ล้อ(รถหกล้อบรรทุกคอนกรีต)


รถบรรทุกมีเครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิกส์เครน

เป็นรถบรรทุกที่มีการติดตั้งเครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิกส์เครนไว้ด้านท้าย เพื่อใช้สำหรับยกของหนัก หรือติดตั้งกระเช้า


รถบรรทุกมีเครื่องทุ่นแรงเฮี๊ยบ

รถเฮี๊ยบ คือรถบรรทุกที่ติดตั้งเครนสำหรับยกสิ่งของซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแตกต่างกันออกไป เช่น Boom Truck(USA) , Truck Loader Crane(Japan) , Vehicle Loading(Australia) ปัจจุบันรถเฮี๊ยบ ได้พัฒนาเป็นเครนที่สามารถพับเก็บได้ มีประสิทธิภาพในการยกน้ำหนักได้สูงเมื่อเทียบกับน้ำหนักของตัวเครน มีขนาดกระทัดรัด ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย ช่วยเพิ่มเนื้อที่ส่วนที่จะใช้บรรทุกได้มากขึ้น


รถเครน

เครน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปั้นจั่น“ “เครน” คือ เครื่องจักรกลที่ใช้ยกสิ่งของหนัก ขึ้นลงตามแนวดิ่ง และเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านั้น ในลักษณะแขวนลอยไปตามแนวราบ
มี 2 แบบ คือ เครนเคลื่อนที่ได้ (Mobile Cranes) หรือรถเครน และเครนเคลื่อนที่ไม่ได้ (Stationary Cranes)

โดยรถเครนแบ่งเป็น 4 ชนิด คือ
1. รถเครนตีนตะขาบ
2. รถเครนล้อยาง
3. รถเครน 4 ล้อ
4. เครนติดรถบรรทุก


รถบรรทุกติดตั้งฮุกลิฟท์

Hooklift เป็นอุปกรณ์สำหรับติดรถบรรทุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความสะดวกและรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ให้รถบรรทุกสามารถยกเทกระบะได้



รถบรรทุกติดตั้งเครื่องฉีดปูน

คือรถบรรทุกที่ด้านท้ายติดตั้งเครื่องฉีดปูน หรือในทางอุตสาหกรรมเรียกกันว่า “ปั๊มคอนกรีต” หรือ “ปั๊มปูน” เป็นเครื่องจักรที่ใช้แรงดันเพื่อผลัก ดันให้คอนกรีตไหลไปในท่อส่งไปยังจุดที่ต้องการ คล้ายๆ กับปั๊มน้ำ ที่มีหน้าที่ดันน้ำให้ไหลไปตามท่อที่ต่อลำเลียง มีส่วนที่เป็นแขนกลไฮดรอลิกส์ที่สามารถยืดออกมาเพื่อลำเลียง คอนกรีตไปเทยังที่ต่างๆ ได้ ตัวปั๊มคอนกรีตและท่อส่งคอนกรีตจะถูก ติดตั้งไว้ด้วยกันบนรถบรรทุก ซึ่งทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายปั๊ม อีก ทั้งท่อส่งคอนกรีตจะถูกควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิก สามารถอำนวย ความสะดวกในการเทคอนกรีตได้เป็นอย่างดี


รหัสรถ 340 – รถยนต์บรรทุกเพื่อการพาณิชย์พิเศษ
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์พิเศษ

รถบรรทุกวัสดุอันตราย (แท็งค์น้ำมัน)

เป็นรถที่ใช้ในการบรรทุกเฉพาะเพื่อใช้ในการบรรทุกวัสดุอันตราย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สารเคมี วัตถุระเบิด วัสดุไวไฟ ซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะและมีป้ายเตือนอย่างชัดเจน


รหัสรถ 420 – รถยนต์ลากจูงเพื่อการพาณิชย์
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์

รถบรรทุกลากจูง

เป็นรถที่เป็นลักษณะสำหรับใช้ลากรถพ่วง รถกึ่งพ่วง เพราะรถเหล่านั้นจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองจึงต้องอาศัยรถประเภทนี้ในการลากจูง


รหัสรถ 520 – รถพ่วงเพื่อการพาณิชย์
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์

รถพ่วงยกเทได้ (ดั๊มพ์)

เป็นรถที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จึงต้องอาศัยรถอื่นลากจูง จะมีโครงรถที่มีเพลาล้อที่สมบูรณ์ในตัวเอง โดยรถพ่วงยกเทได้ (ดั๊มพ์) จะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น


รถพ่วงพื้นเรียบ

เป็นรถที่มีพื้นสำหรับบรรทุกสินค้าทั่วไปโดยมีทั้งพื้นไม้และพื้นเหล็ก ติดตั้งชุดล็อคตู้คอนเทนเนอร์ (Twist lock) สำหรับบรรทุกตู้สินค้าขนาด 20’, 40’ และ สามารถบรรทุกสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ เช่น ม้วนเหล็ก สินค้าพาเลท ปูนซิเมนต์ถุง เป็นต้น


รถพ่วงถังบรรทุกปูนผง หรือ อาหารสัตว์

– สำหรับรถพ่วงถังบรรทุกปูนผง เป็นรถพ่วงที่เหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภท ซีเมนต์ ฝุ่นถ่าน ปูนขาวและผงหินแร่ ที่เป็นผงแห้งเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ 0.1 มิลลิเมตร

– สำหรับรถพ่งบรรทุกอาหารสัตว์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “รถไซโล” ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นหลัก


ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 1

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 1 ความคุ้มครองต่างๆจะเหมือนกับในส่วนของประกันภัยรถยนต์ คือให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากรถชนรถ หรือรถชนสิ่งอื่นๆ โดยรถของคุณจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็คุ้มครองในทุกกรณี รวมถึงการคุ้มครองคู่กรณีด้วย พร้อมทั้งคุ้มครองกรณีที่รถสูญหายหรือถูกโจรกรรม และเสียหายจากไฟไหม้ อีกด้วย โดยประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 1 แบ่งความคุ้มครองหลักๆ เป็น 3 ส่วน คือ

1. ความคุ้มครองต่อทรัพย์สิน และบุคคลภายนอก

  •  คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิตร่างกายบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัย
  •  คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

2. ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ

  •  คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ – การชนแบบไม่มีคู่กรณี
  •  คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ – การชนแบบมีคู่กรณี
  •  คุ้มครองรถยนต์สูญหาย/ถูกโจรกรรม
  •  คุ้มครองความเสียหายจากไฟไหม้

3. ความคุ้มครองเพิ่มเติมแนบท้าย

  •  ค่ารักษาพยาบาล
  •  การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
  •  การประกันตัวผู้ขับขี่

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 2

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 2 เป็นประกันที่มีความคุ้มครองคล้ายกับประกันภัยรถบรรทุกใ (รถใหญ่) ชั้น 1 แต่จะต่างกันตรงที่ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 2 จะไม่ได้คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกัน ยกเว้นกรณีสูญหายหรือไฟไหม้ที่จะยังคุ้มครองอยู่ โดยประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 2 แบ่งความคุ้มครองหลักๆ เป็น 3 ส่วน คือ

1. ความคุ้มครองต่อทรัพย์สิน และบุคคลภายนอก

  •  คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิตร่างกายบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัย
  •  คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

2. ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ

  •  คุ้มครองรถสูญหาย/ถูกโจรกรรม
  •  คุ้มครองความเสียหายจากไฟไหม้

3. ความคุ้มครองเพิ่มเติมแนบท้าย

  •  ค่ารักษาพยาบาล
  •  การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
  •  การประกันตัวผู้ขับขี่

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 3

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 3 เป็นประกันภัยที่เหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่รถอย่างปลอดภัย และอายุรถค่อนข้างมาก โดยจะคุ้มครองเฉพาะชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเท่านั้น สามารถแบ่งความคุ้มครองหลักๆ เป็น 2 ส่วนคือ

1. ความคุ้มครองต่อทรัพย์สิน และบุคคลภายนอก

  •  คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิตร่างกายบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถคันเอาประกันภัย
  •  คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

2. ความคุ้มครองเพิ่มเติมแนบท้าย

  •  ค่ารักษาพยาบาล
  •  การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
  •  การประกันตัวผู้ขับขี่

ตารางแสดงอัตราเบี้ยพรบ.รวมภาษีในรถแต่ละประเภท (บาท)

1. รถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์



ยินดีให้คำปรึกษาเบี้ยประกันภัยพิเศษสำหรับเจ้าของกิจการ

เพิ่มเพื่อน

ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676


ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบบัตรนายหน้าประกันวินาศภัย จังหวัดแพร่


รายชื่อผู้มีสิทธิ: เข้าสอบบัตรนายหน้าประกันวินาศภัย ปี 2564
วันที่สอบ : 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
สถานที่สอบ : วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่
เวลาสอบ : 09.00-12.00 น.
โปรดตรวจสอบ ชื่อ – สกุล เพื่อความรวดเร็วในการนํารายชื่อส่ง คปภ



ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676

ข่าวดี ศรีกรุง เปิดสอบบัตรนายหน้าประกันชีวิต รอบพิเศษ



ข่าวดี ศรีกรุง เปิดสอบบัตรนายหน้าประกันชีวิต รอบพิเศษ
ด่วนจำนวนจำกัด ในวันอาทิตย์ ที่ 12 ธันวาคม 2564 เวลา 13.00 – 15.30 น

ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
รับจำนวน 100 ที่นั่ง
รีบสมัครและสำรองที่นั่งได้ที่ 👉https://bit.ly/30tPMRO




ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676

ลงทะเบียนเรียกร้องสินไหมเอเชีย (ที่แจ้งเคลมแล้ว / เวนคืนกรมธรรม์)

ลูกค้าที่ถือกรมธรรม์เอเชีย ลงทะเบียนเรียกร้องสินไหมเอเชีย (ที่แจ้งเคลมแล้ว / เวนคืนกรมธรรม์) คลิก

คู่มือการกรอก link คลิก












ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676




ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ


ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คืออะไร ?

  • เป็นส่วนหนึ่งของค่าสินไหมทดแทน ที่บริษัทประกันภัยจะต้องเข้ามารับผิดชอบแทนผู้ขับขี่ กรณีที่รถคันเอาประกันภัยภาคสมัครใจเป็นฝ่ายผิด (ประกันชั้น 1-3)

ถ้าทำเฉพาะประกันภัย พ.ร.บ. จะเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถได้ไหม ?

  • ประกันภัย พ.ร.บ. คุ้มครองคน ไม่คุ้มครองทรัพย์สิน ดังนั้นจะเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถไม่ได้

เพราะเหตุใด คปภ. ถึงต้องกำหนดค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถขั้นต่ำ ?

  • เพื่ออำนวยความสะดวก ให้การเรียกร้องของประชาชนรวดเร็วยิ่งขึ้นและลดปัญหาการร้องเรียน

ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถขั้นต่ำ หมายถึง ?

  • ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถที่บริษัทประกันภัยต้องชดใช้เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าที่กำหนดขั้นต่ำ เพื่อไม่ให้บริษัทประกันภัยเจรจาจ่ายในจำนวนที่ต่ำเกินไป

หลักเกณฑ์ที่ คปภ. กำหนดอัตราขั้นต่ำ ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ มีอะไรบ้าง ?

  1. รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท
  2. รถยนต์รับจ้างสาธารณะขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท 
  3. รถยนต์ขนาดเกินกว่า 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท

รถประเภทอื่น ๆ ที่ ไม่ได้เป็นไปตามข้อ 1-3 เช่น “รถจักรยานยนต์” ให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องและตกลงกันได้ โดยพิจารณาหลักฐานเป็นกรณีไป

“ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ” ตามอัตราที่กำหนด จะเริ่มบังคับใช้เมื่อใด

  • เริ่มบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป 

เอกสารประกอบการเรียกค่าเสียหาย มีอะไรบ้าง ?

  • ใบนำรถยนต์เข้าจัดซ่อม – ใบรับรถยนต์
  • สำเนาการจดทะเบียนรถ
  • เอกสารประกอบการใช้รถยนต์แต่ละวัน (ถ้ามี)
  • ใบเสร็จค่าเช่ารถ (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • ใบเคลม

เพิ่มเติมประเด็นที่หลายคนสงสัย

ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถอยู่ในกฎหมายใด พ.ร.บ. อะไรและมาตราไหน ?

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ลักษณะมูลละเมิด 
    บรรพ 2 (หนี้) > ลักษณะ 5 > หมวด 1 (ความรับผิดเพื่อละเมิด)

แบบฟอร์มสำหรับผู้ที่ต้องการเรียกร้องสิทธิ์ “ค่าขาดประโยชน์จาการใช้รถระหว่างซ่อม” มาให้ดูเป็นตัวอย่าง และสามารถนำไปใช้ได้จริง


การคุ้มครองสิทธิประโยชน์

การพิจารณาเรื่องร้องเรียนโดยพนักงานเจ้าหน้าที่

การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้ชำนาญการ

สถาบันอนุญาโตตุลาการ


ข้อมูลทั่วไป

          สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มีภารกิจหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยให้แก่ประชาชน ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ และผู้มีสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัย โดยการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องเรียนกับบริษัทประกันภัยอย่างเป็นระบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน เพื่อเป็นการบริการประชาชนได้อย่างสะดวก ถูกต้อง รวดเร็ว ประหยัด และเป็นธรรม

          ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัย (Insurance Complaint Center : ICC) มีภารกิจหลักในการรับเรื่องร้องเรียนและพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนเกี่ยวกับการประกันภัย โดยประชาชนสามารถร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนี้

          (๑) ระบบการรับและพิจารณาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประกันภัยและการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการในเว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ. 
               https://complaintportal.oic.or.th/ppms/home  

          (๒) ยื่นหนังสือร้องเรียน หรือยื่นผ่านหน่วยงานอื่น และ

          (๓) ประชาชนสามารถยื่นผ่านทางไปรษณีย์มายังสำนักงาน คปภ. หรือร้องเรียนด้วยตนเองที่ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัย (Insurance Complaint Center : ICC) ตั้งอยู่ที่สำนักงาน คปภ.ในส่วนกลาง และสำนักงาน คปภ. ภาค/เขต/จังหวัด ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ

         ขั้นตอนการพิจารณาข้อร้องเรียนและดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยสรุปได้ดังนี้

          (๑) เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว ให้เจ้าหน้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดทำหนังสือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือจดหมายอิเล็กทรอนิคส์ (E-Mail) ไปถึงผู้มีอำนาจของบริษัทประกันภัยเพื่อมาพบเจ้าหน้าที่และชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมแนบคำร้อง/เอกสารที่เกี่ยวข้อง หรือไฟล์เอกสารคำร้อง/เอกสารที่เกี่ยวข้อง

          (๒) เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนและไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยโดยเร็ว

          (๓) กรณีมีความจำเป็นต้องทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ให้เจ้าหน้าที่สอบถามข้อเท็จจริงจากผู้ร้องเรียนและบริษัทเพื่อหาข้อยุติ หากจำเป็นต้องรับฟังคำพยานภายนอก หรือจากหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานอื่น ให้เจ้าหน้าที่สอบถามข้อเท็จจริงไปยังพยานภายนอก หรือหน่วยงานนั้นๆ เป็นลายลักษณ์อักษร และหากได้พยานหลักฐานเอกสารครบแล้วให้สรุปประเด็นทั้งหมดและเชิญผู้ร้องเรียนมาหารืออีกครั้ง

          (๔) ให้เจ้าหน้าที่แจ้งคู่กรณีทุกฝ่ายมาพร้อมกันเพื่อหาแนวทางประนอมข้อพิพาท หากสามารถตกลงกันได้ในประเด็นที่พิพาทข้อใดก็ให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การจัดทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความในประเด็นที่พิพาทนั้น ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรตามที่กฎหมายกำหนด

          (๕) กรณีเจ้าหน้าที่ดำเนินการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแล้ว หากคู่กรณีตกลงยุติข้อพิพาทกันไม่ได้ และเป็นกรณีที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ให้เจ้าหน้าที่สอบถามคู่กรณีว่าประสงค์จะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยโดยผู้ชำนาญการหรือไม่ หากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยโดยผู้ชำนาญการต่อไป

Link ที่น่าสนใจ

เอกสารเผยแพร่

       ขั้นตอนการพิจารณาเรื่องร้องเรียน

       แบบข้อร้องเรียน (แบบ ร.1)                                                             WORD              PDF

        แบบหนังสือมอบอำนาจ (แบบ ร. 2)                                                WORD              PDF

ประกาศ คปภ.

      ประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการชดใช้เงิน หรือค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๕๙

       ประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการชดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๕๙

ระเบียบ/กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

        ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยว่าด้วยการรับและพิจารณาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประกันภัย พ.ศ. 2564
 

หน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน

        ที่อยู่สำนักงาน คปภ.เขต /จังหวัด และหมายเลขโทรศัพท์


การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้ชำนาญการ

ข้อมูลทั่วไป

           การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้ชำนาญการ เป็นกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองอย่าง “สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง โปร่งใส ประหยัด และเป็นธรรม” โดยในปี ๒๕๕๙ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้เปิด “ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัย (Insurance Mediation Center) แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่ของการระงับข้อพิพาทด้านประกันภัยโดยนำวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาใช้ในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องเรียนกับบริษัทประกันภัย และประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งก่อนที่จะมีการเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยฯ ได้มีการออกระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัย พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติในการระงับข้อพิพาทด้านการประกันภัยไว้อย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนที่มาร้องเรียนสามารถมีทางเลือกในการระงับข้อพิพาท ดังนี้ 

          (๑) เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วจะต้องตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น และประสานงานบริษัทที่ถูกร้องเรียนเพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงชี้แจงทำความเข้าใจกับคู่กรณี หากในขั้นตอนนี้สามารถตกลงกันได้ก็จะมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน

          (๒) หากตกลงกันไม่ได้ คู่กรณีก็สามารถเลือกใช้วิธีการไกล่เกลี่ย ซึ่งมีกระบวนตามระเบียบฯ ดังกล่าวรับรองอีกชั้นหนึ่ง โดยเมื่อคู่กรณีแจ้งความประสงค์เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย เจ้าหน้าที่จะนำเสนอเลขาธิการ เพื่อพิจารณาแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ยจากผู้ที่ขึ้นทะเบียนรายชื่อ โดยคำนึงถึงลักษณะของข้อร้องเรียนและความเหมาะสมของผู้ไกล่เกลี่ย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดต่อไป

          (๓) คู่กรณีอาจคัดค้านผู้ไกล่เกลี่ยได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งเป็นเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางของผู้ไกล่เกลี่ย

          (๔) เมื่อมีการแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ยในข้อพิพาทแล้ว ให้สำนักงานประสานงานผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อจัดให้มีการเริ่มไกล่เกลี่ยภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่สำนักงานแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ย

          (๕) ผู้ไกล่เกลี่ยจะต้องดำเนินการไกล่เกลี่ยให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่เริ่มกระบวนการไกล่เกลี่ย หากผู้ไกล่เกลี่ยเห็นสมควรหรือคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอ ผู้ไกล่เกลี่ยอาจขยายระยะเวลาในการดำเนินการไกล่เกลี่ยออกไปอีกก็ได้ ถ้าการขยายระยะเวลาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ของคู่กรณีทุกฝ่าย และมิได้ทำให้การพิจารณาข้อพิพาทล่าช้าเกินสมควร ทั้งนี้ ให้ขยายระยะเวลาได้ไม่เกินสิบห้าวันและขยายได้ไม่เกินสองครั้ง โดยให้ขอขยายระยะเวลาก่อนครบกำหนด อย่างน้อยห้าวันทำการ

          (๖) หากคู่กรณีตกลงยุติข้อพิพาทได้ ให้ทำบันทึกความตกลงประนีประนอมยอมความ

          (๗) หากคู่กรณีไม่สามารถตกลงยุติข้อพิพาทได้ ให้เจ้าหน้าที่แจ้งคู่กรณีว่าสามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการได้ต่อไป


สถาบันอนุญาโตตุลาการ

สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงาน คปภ.

การระงับข้อพิพาทด้านประกันภัย

ด้วยวิธีประนอมข้อพิพาทและวิธีอนุญาโตตุลาการ สำนักงาน คปภ.

                   การระงับข้อพิพาทด้านประกันภัยด้วยวิธีการประนอมข้อพิพาทและวิธีอนุญาโตตุลาการ (Alternative Dispute Resolution by Mediation and Arbitration) เป็นกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกนอกศาลที่กฎหมายรองรับการดำเนินการ โดยมีหน่วยงานและพนักงานเจ้าหน้าที่รับผิดชอบอำนวยความสะดวกและดูแลการดำเนินกระบวนการอนุญาโตตุลาการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตั้งแต่ต้นจน   เสร็จสิ้นและมีคำชี้ขาดซึ่งเรียกว่า อนุญาโตตุลาการแบบสถาบัน (Institution Arbitration)

                   สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่จัดให้มีกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ ภายใต้พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.๒๕๕๔ อันเป็นกระบวนการระงับข้อพิพาททางแพ่งและพาณิชย์ที่เกี่ยวกับสัญญาประกันภัย ระหว่าง ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หรือผู้ได้รับความเสียหายตามสัญญาประกันภัย กับบริษัทประกันภัย ตามที่กำหนดรองรับไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยทุกฉบับ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ประหยัด และเป็นธรรมจึงกำหนดให้มีระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.๒๕๕๑, ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๓ และระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยว่าด้วยการประนอมข้อพิพาทประกันภัยในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.๒๕๕๓ ภายใต้การดำเนินงานของฝ่ายระงับข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการ สายคดี สำนักงาน คปภ.


ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676

ทำอย่างไรเพื่อให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายถูกลง ?

1. ระบุชื่อผู้ขับขี่

การระบุชื่อผู้ขับขี่ 1-2 ท่านนั้นจะทำให้เบี้ยประกันรถของท่านนั้นถูกลงไปอีก 5-20% แต่ว่าข้อเสียคือการขับขี่ของรถนั้นจะแปลว่า รถนั้นจะถูกขับได้แค่ชื่อของผู้ที่ระบุไว้ใบหน้าตารางกรมธรรม์เท่านั้น โดยปกติแล้วหากท่านมีคนขับมากกว่า 1-2 คนทางเราจะไม่แนะนำให้ระบุผู้ขับขี่

2. ส่วนลดประวัติดี

ส่วนลดประวัติดีนั้นจะได้ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันนั้นไม่ได้มีเคลมมาก่อนในปีที่ผ่านมา แต่เงื่อนไขตรงนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันนั้นเป็นคนกำหนด เนื่องจากรูปแบบแต่ละกรมธรรม์นั้นจะต่างกันไป

3. ติดกล้องหน้ารถ

การติดกล้องหน้ารถนั้นจะทำให้เบี้ยประกันนั้นถูกลงมาอีก 5% แต่ว่าเงื่อนไขนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันนั้นเป็นคนกำหนด บางบริษัทประกันหรือบางแผนประกันนั้นจะรวมส่วนลดตรงนี้มาให้แล้ว หรือบางแผนนั้นจะสามารถขอส่วนลดการติดกล้องหน้ารถเพิ่มเติมได้

4. กำหนดค่าเสียหายส่วนแรก

การใส่ค่าเสียหายส่วนแรกนั้นจะทำให้เบี้ยประกันนั้นถูกลงมามากพอสมควร การที่มีค่าเสียหายส่วนแรกจะมีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือจะทำให้เบี้ยประกันนั้นถูกกว่าเดิมเยอะ แต่แปลว่าการเคลมนั้น ทุกๆกรณีที่เป็นเคลมฝ่ายผิด ทางผู้เอาประกันนั้นจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกทันทีในการเคลม

5. ส่วนลดกลุ่ม

หากท่านทำประกันรถมากกว่า 2-3 คันขึ้นไป ท่านจะได้ส่วนลดกลุ่ม ซึ่งจะเป็นส่วนลดที่ท่านจะได้ก็ต่อเมื่อ มีรถมากกว่า 2-3 คันและนำมาทำประกันภัยภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยคนเดียวกัน

6. เป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์

การที่ท่านสมัครเป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ ที่เป็นพันธมิตรกับกว่า 35 บริษัทประกันภัยชั้นนำของประเทศไทย จะทำให้ซื้อประกันได้ในราคาทุน ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้มาก เช่น ค่าประกันรถยนต์ ค่าประกันอัคคีภัย ค่าประกันอุบัติเหตุ ค่าประกันสุขภาพรายปี และประกันอื่นๆอีกมากมาก

ซึ่งการสมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ สามารถสมัครได้ง่ายๆ ทางไลน์ @skbroker

ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676

ประกันภัยรถบรรทุกขนาดใหญ่ Truck We Insure

หน่วย : บาท

รถที่รับประกันภัย

  • – รถยนต์ที่รับประกันภัย คือ HINO, ISUZU, FUSO, MITSUBISHI, NISSAN และ UD
  • ไม่รับประกันภัยรถที่ดัดแปลงเป็นรถลากจูง
  • – ทุนประกันภัยต้องไม่ต่ำกว่า 80% ของราคาซื้อขายรถบรรทุก ณ วันที่ทำประกันภัย ทั้งนี้ กรณีที่มีการระบุอุปกรณ์เพิ่มพิเศษ ทุนประกันภัยจะต้องอยู่ในช่วงที่กำหนดไว้ตามตารางเบี้ยประกันภัย

เงื่อนไขความคุ้มครอง

  • – ตรวจสภาพรถก่อนรับประกันภัย
  • – บริการศูนย์ซ่อมมาตรฐานกรุงเทพประกันภัย (อู่ในสัญญา)


หมายเหตุ

  • 1. อุปกรณ์เพิ่มพิเศษ หมายถึง อุปกรณ์ที่ทำให้การใช้งานรถบรรทุกมีความเสี่ยงภัยมากขึ้น ประกอบด้วย ดัมป์ เครื่องไฮดรอลิก และตู้เย็น (แต่ไม่รวมถึงเครื่องทำความเย็น หรือ Compressor)
  • 2. เพื่อประโยชน์สูงสุดของท่าน กรุณาตรวจสอบทุนประกันภัยและเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของท่านกับเจ้าหน้าที่รับประกันภัย
  • 3. ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไข ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
  • 4. เบี้ยประกันภัยดังกล่าวรวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

ติดต่อพนักงาน

สอบถามเพิ่มเติม

ประเภทรถบรรทุก (รถใหญ่)

ลักษณะรถบรรทุกที่ใช้มักจะขึ้นกับลักษณะสินค้าที่ใช้ขน เช่น รถหัวลาก ซึ่งมีกำลังเครื่องยนต์มากที่สุดจะใช้ขนตู้ container ที่มีสินค้าอยู่ภายในไปทั้งตู้ ในขณะที่รถสิบล้อ หรือ รถหกล้อ จะใช้ขนสินค้าได้หลายแบบ เช่น ขนดิน, ขนทราย, หรือสินค้าอุปโภคบริโภค และใช้ผ้าใบคลุมเอาไว้ หรือ ต่อตู้ทำเป็นตู้ทึบ เพื่อป้องกันสินค้าเปียกน้ำ หรือ ต่อตู้เย็น(ตู้ที่มีเครื่องทำความเย็น) เพื่อใช้ขนสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ 

การเลือกทำประกันประเภทรถบรรทุก มีการแบ่งประเภทของประกันเหมือนๆ กับประกันภัยรถยนต์ทั่วไป อย่าง ประกันชั้น 1 , 2 และ 3 โดยจะมีการกำหนดอายุ ขนาดของรถบรรทุก ในการเลือกทำประกันบรรทุกที่เหมาะสมที่สุด ดังนี้

– ประกันชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุด คือ คุ้มครองตัวรถเอาประกันทุกกรณี และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับรถที่ยังไม่หมดภาระไฟแนนซ์ หรือ รถที่อายุไม่เกิน 15 ปี

– ประกันชั้น 2 คุ้มครองตัวรถเอาประกันกรณีสูญหาย ไฟไหม้ และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับผู้ประกันที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยประกันภัยลง

– ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นการประกันภัยขั้นต่ำที่ผู้ประกอบการทุกคน ต้องทำติดไว้ เพราะรถบรรทุกนั้นมีขนาดใหญ่ ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีความรุนแรงที่มากกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก


ประเภทรถบรรทุก (รถใหญ่) ที่รับประกันภัย มีดังนี้

รหัสรถ 320 : รถยนต์บรรทุกเพื่อการพาณิชย์
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์

รถบรรทุกตู้แห้ง หรือ ตู้เย็น

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะเป็นตู้ทึบ และมีหลังคาและตัวถังที่บรรทุกระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับเป็นตอนเดียว โดยจะมีประตูบานใหญ่ไว้สำหรับให้ผู้โดยสารขึ้นลง หรือจะเลือกเปิดท้ายก็ได้ มีน้ำหนักไม่เกิน 12 ตัน มี 4 ล้อ หรือ 6 ล้อ


รถบรรทุกยกเทได้ (รถดั๊มพ์)

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะด้านหน้าเหมือนกับรถบรรทุกตู้แห้ง แต่ส่วนท้ายจะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า โดยส่วนมากใช้บรรทุกหิน ดิน ทราย ปูน อิฐ เป็นต้น มีน้ำหนักเกิน 12 ตัน มี 6 ล้อ


รถบรรทุกโม่ปูน

จัดเป็นรถบรรทุกเฉพาะกิจ ใช้ในกิจการใดกิจการหนึ่งโดยเฉพาะ โดยรถโม่ปูน หรือ รถโม่ผสมคอนกรีตมี 2 ประเภท คือ รถโม่ผสมคอนกรีตขนาดใหญ่ หรือรถโม่ใหญ่ นิยมใช้เป็นรถ 10 ล้อ(รถสิบล้อบรรทุกคอนกรีต) และรถโม่ผสมคอนกรีตขนาดเล็กหรือรถโม่เล็กนิยมใช้เป็นรถ 6 ล้อ(รถหกล้อบรรทุกคอนกรีต)


รถบรรทุกมีเครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิกส์เครน

เป็นรถบรรทุกที่มีการติดตั้งเครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิกส์เครนไว้ด้านท้าย เพื่อใช้สำหรับยกของหนัก หรือติดตั้งกระเช้า


รถบรรทุกมีเครื่องทุ่นแรงเฮี๊ยบ

รถเฮี๊ยบ คือรถบรรทุกที่ติดตั้งเครนสำหรับยกสิ่งของซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแตกต่างกันออกไป เช่น Boom Truck(USA) , Truck Loader Crane(Japan) , Vehicle Loading(Australia) ปัจจุบันรถเฮี๊ยบ ได้พัฒนาเป็นเครนที่สามารถพับเก็บได้ มีประสิทธิภาพในการยกน้ำหนักได้สูงเมื่อเทียบกับน้ำหนักของตัวเครน มีขนาดกระทัดรัด ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย ช่วยเพิ่มเนื้อที่ส่วนที่จะใช้บรรทุกได้มากขึ้น


รถเครน

เครน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปั้นจั่น“ “เครน” คือ เครื่องจักรกลที่ใช้ยกสิ่งของหนัก ขึ้นลงตามแนวดิ่ง และเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านั้น ในลักษณะแขวนลอยไปตามแนวราบ
มี 2 แบบ คือ เครนเคลื่อนที่ได้ (Mobile Cranes) หรือรถเครน และเครนเคลื่อนที่ไม่ได้ (Stationary Cranes)

โดยรถเครนแบ่งเป็น 4 ชนิด คือ
1. รถเครนตีนตะขาบ
2. รถเครนล้อยาง
3. รถเครน 4 ล้อ
4. เครนติดรถบรรทุก


รถบรรทุกติดตั้งฮุกลิฟท์

Hooklift เป็นอุปกรณ์สำหรับติดรถบรรทุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความสะดวกและรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ให้รถบรรทุกสามารถยกเทกระบะได้



รถบรรทุกติดตั้งเครื่องฉีดปูน

คือรถบรรทุกที่ด้านท้ายติดตั้งเครื่องฉีดปูน หรือในทางอุตสาหกรรมเรียกกันว่า “ปั๊มคอนกรีต” หรือ “ปั๊มปูน” เป็นเครื่องจักรที่ใช้แรงดันเพื่อผลัก ดันให้คอนกรีตไหลไปในท่อส่งไปยังจุดที่ต้องการ คล้ายๆ กับปั๊มน้ำ ที่มีหน้าที่ดันน้ำให้ไหลไปตามท่อที่ต่อลำเลียง มีส่วนที่เป็นแขนกลไฮดรอลิกส์ที่สามารถยืดออกมาเพื่อลำเลียง คอนกรีตไปเทยังที่ต่างๆ ได้ ตัวปั๊มคอนกรีตและท่อส่งคอนกรีตจะถูก ติดตั้งไว้ด้วยกันบนรถบรรทุก ซึ่งทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายปั๊ม อีก ทั้งท่อส่งคอนกรีตจะถูกควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิก สามารถอำนวย ความสะดวกในการเทคอนกรีตได้เป็นอย่างดี


รหัสรถ 340 – รถยนต์บรรทุกเพื่อการพาณิชย์พิเศษ
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์พิเศษ

รถบรรทุกวัสดุอันตราย (แท็งค์น้ำมัน)

เป็นรถที่ใช้ในการบรรทุกเฉพาะเพื่อใช้ในการบรรทุกวัสดุอันตราย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สารเคมี วัตถุระเบิด วัสดุไวไฟ ซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะและมีป้ายเตือนอย่างชัดเจน


รหัสรถ 420 – รถยนต์ลากจูงเพื่อการพาณิชย์
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์

รถบรรทุกลากจูง

เป็นรถที่เป็นลักษณะสำหรับใช้ลากรถพ่วง รถกึ่งพ่วง เพราะรถเหล่านั้นจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองจึงต้องอาศัยรถประเภทนี้ในการลากจูง


รหัสรถ 520 – รถพ่วงเพื่อการพาณิชย์
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์

รถพ่วงยกเทได้ (ดั๊มพ์)

เป็นรถที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จึงต้องอาศัยรถอื่นลากจูง จะมีโครงรถที่มีเพลาล้อที่สมบูรณ์ในตัวเอง โดยรถพ่วงยกเทได้ (ดั๊มพ์) จะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น


รถพ่วงพื้นเรียบ

เป็นรถที่มีพื้นสำหรับบรรทุกสินค้าทั่วไปโดยมีทั้งพื้นไม้และพื้นเหล็ก ติดตั้งชุดล็อคตู้คอนเทนเนอร์ (Twist lock) สำหรับบรรทุกตู้สินค้าขนาด 20’, 40’ และ สามารถบรรทุกสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ เช่น ม้วนเหล็ก สินค้าพาเลท ปูนซิเมนต์ถุง เป็นต้น


รถพ่วงถังบรรทุกปูนผง หรือ อาหารสัตว์

– สำหรับรถพ่วงถังบรรทุกปูนผง เป็นรถพ่วงที่เหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภท ซีเมนต์ ฝุ่นถ่าน ปูนขาวและผงหินแร่ ที่เป็นผงแห้งเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ 0.1 มิลลิเมตร

– สำหรับรถพ่งบรรทุกอาหารสัตว์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “รถไซโล” ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นหลัก


ประเภทรถบรรทุก (รถใหญ่) ที่รับประกันภัย

ประกันภัยรถยนต์ ประเภทรถบรรทุก (รถใหญ่)

รถบรรทุก หรือ รถใหญ่ เป็นรถที่ใช้สำหรับเชิงพาณิชย์เพื่อการบรรทุกสินค้าที่หลากหลายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง โดยบริษัท นำสินประกันภัย รับประกันภัยทั้งการใช้ภายในประเทศ และ สามารถขยายความคุ้มครองข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้

ลักษณะรถบรรทุกที่ใช้มักจะขึ้นกับลักษณะสินค้าที่ใช้ขน เช่น รถหัวลาก ซึ่งมีกำลังเครื่องยนต์มากที่สุดจะใช้ขนตู้ container ที่มีสินค้าอยู่ภายในไปทั้งตู้ ในขณะที่รถสิบล้อ หรือ รถหกล้อ จะใช้ขนสินค้าได้หลายแบบ เช่น ขนดิน, ขนทราย, หรือสินค้าอุปโภคบริโภค และใช้ผ้าใบคลุมเอาไว้ หรือ ต่อตู้ทำเป็นตู้ทึบ เพื่อป้องกันสินค้าเปียกน้ำ หรือ ต่อตู้เย็น(ตู้ที่มีเครื่องทำความเย็น) เพื่อใช้ขนสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ 

การเลือกทำประกันประเภทรถบรรทุก มีการแบ่งประเภทของประกันเหมือนๆ กับประกันภัยรถยนต์ทั่วไป อย่าง ประกันชั้น 1 , 2 และ 3 โดยจะมีการกำหนดอายุ ขนาดของรถบรรทุก ในการเลือกทำประกันบรรทุกที่เหมาะสมที่สุด ดังนี้

ประกันชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุด คือ คุ้มครองตัวรถเอาประกันทุกกรณี และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับรถที่ยังไม่หมดภาระไฟแนนซ์ หรือ รถที่อายุไม่เกิน 15 ปี

ประกันชั้น 2 คุ้มครองตัวรถเอาประกันกรณีสูญหาย ไฟไหม้ และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับผู้ประกันที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยประกันภัยลง

ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นการประกันภัยขั้นต่ำที่ผู้ประกอบการทุกคน ต้องทำติดไว้ เพราะรถบรรทุกนั้นมีขนาดใหญ่ ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีความรุนแรงที่มากกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก


ประเภทรถบรรทุก (รถใหญ่) ที่รับประกันภัย มีดังนี้

รหัสรถ 320 : รถยนต์บรรทุกเพื่อการพาณิชย์
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์

รถบรรทุกตู้แห้ง หรือ ตู้เย็น

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะเป็นตู้ทึบ และมีหลังคาและตัวถังที่บรรทุกระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับเป็นตอนเดียว โดยจะมีประตูบานใหญ่ไว้สำหรับให้ผู้โดยสารขึ้นลง หรือจะเลือกเปิดท้ายก็ได้ มีน้ำหนักไม่เกิน 12 ตัน มี 4 ล้อ หรือ 6 ล้อ


รถบรรทุกยกเทได้ (รถดั๊มพ์)

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะด้านหน้าเหมือนกับรถบรรทุกตู้แห้ง แต่ส่วนท้ายจะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า โดยส่วนมากใช้บรรทุกหิน ดิน ทราย ปูน อิฐ เป็นต้น มีน้ำหนักเกิน 12 ตัน มี 6 ล้อ


รถบรรทุกโม่ปูน

จัดเป็นรถบรรทุกเฉพาะกิจ ใช้ในกิจการใดกิจการหนึ่งโดยเฉพาะ โดยรถโม่ปูน หรือ รถโม่ผสมคอนกรีตมี 2 ประเภท คือ รถโม่ผสมคอนกรีตขนาดใหญ่ หรือรถโม่ใหญ่ นิยมใช้เป็นรถ 10 ล้อ(รถสิบล้อบรรทุกคอนกรีต) และรถโม่ผสมคอนกรีตขนาดเล็กหรือรถโม่เล็กนิยมใช้เป็นรถ 6 ล้อ(รถหกล้อบรรทุกคอนกรีต)


รถบรรทุกมีเครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิกส์เครน

เป็นรถบรรทุกที่มีการติดตั้งเครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิกส์เครนไว้ด้านท้าย เพื่อใช้สำหรับยกของหนัก หรือติดตั้งกระเช้า


รถบรรทุกมีเครื่องทุ่นแรงเฮี๊ยบ

รถเฮี๊ยบ คือรถบรรทุกที่ติดตั้งเครนสำหรับยกสิ่งของซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแตกต่างกันออกไป เช่น Boom Truck(USA) , Truck Loader Crane(Japan) , Vehicle Loading(Australia) ปัจจุบันรถเฮี๊ยบ ได้พัฒนาเป็นเครนที่สามารถพับเก็บได้ มีประสิทธิภาพในการยกน้ำหนักได้สูงเมื่อเทียบกับน้ำหนักของตัวเครน มีขนาดกระทัดรัด ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย ช่วยเพิ่มเนื้อที่ส่วนที่จะใช้บรรทุกได้มากขึ้น


รถเครน

เครน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปั้นจั่น“ “เครน” คือ เครื่องจักรกลที่ใช้ยกสิ่งของหนัก ขึ้นลงตามแนวดิ่ง และเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านั้น ในลักษณะแขวนลอยไปตามแนวราบ
มี 2 แบบ คือ เครนเคลื่อนที่ได้ (Mobile Cranes) หรือรถเครน และเครนเคลื่อนที่ไม่ได้ (Stationary Cranes)

โดยรถเครนแบ่งเป็น 4 ชนิด คือ
1. รถเครนตีนตะขาบ
2. รถเครนล้อยาง
3. รถเครน 4 ล้อ
4. เครนติดรถบรรทุก


รถบรรทุกติดตั้งฮุกลิฟท์

Hooklift เป็นอุปกรณ์สำหรับติดรถบรรทุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความสะดวกและรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ให้รถบรรทุกสามารถยกเทกระบะได้



รถบรรทุกติดตั้งเครื่องฉีดปูน

คือรถบรรทุกที่ด้านท้ายติดตั้งเครื่องฉีดปูน หรือในทางอุตสาหกรรมเรียกกันว่า “ปั๊มคอนกรีต” หรือ “ปั๊มปูน” เป็นเครื่องจักรที่ใช้แรงดันเพื่อผลัก ดันให้คอนกรีตไหลไปในท่อส่งไปยังจุดที่ต้องการ คล้ายๆ กับปั๊มน้ำ ที่มีหน้าที่ดันน้ำให้ไหลไปตามท่อที่ต่อลำเลียง มีส่วนที่เป็นแขนกลไฮดรอลิกส์ที่สามารถยืดออกมาเพื่อลำเลียง คอนกรีตไปเทยังที่ต่างๆ ได้ ตัวปั๊มคอนกรีตและท่อส่งคอนกรีตจะถูก ติดตั้งไว้ด้วยกันบนรถบรรทุก ซึ่งทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายปั๊ม อีก ทั้งท่อส่งคอนกรีตจะถูกควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิก สามารถอำนวย ความสะดวกในการเทคอนกรีตได้เป็นอย่างดี


รหัสรถ 340 – รถยนต์บรรทุกเพื่อการพาณิชย์พิเศษ
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์พิเศษ

รถบรรทุกวัสดุอันตราย (แท็งค์น้ำมัน)

เป็นรถที่ใช้ในการบรรทุกเฉพาะเพื่อใช้ในการบรรทุกวัสดุอันตราย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สารเคมี วัตถุระเบิด วัสดุไวไฟ ซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะและมีป้ายเตือนอย่างชัดเจน


รหัสรถ 420 – รถยนต์ลากจูงเพื่อการพาณิชย์
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์

รถบรรทุกลากจูง

เป็นรถที่เป็นลักษณะสำหรับใช้ลากรถพ่วง รถกึ่งพ่วง เพราะรถเหล่านั้นจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองจึงต้องอาศัยรถประเภทนี้ในการลากจูง


รหัสรถ 520 – รถพ่วงเพื่อการพาณิชย์
ลักษณะการใช้งาน : ใช้เพื่อการพาณิชย์

รถพ่วงยกเทได้ (ดั๊มพ์)

เป็นรถที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จึงต้องอาศัยรถอื่นลากจูง จะมีโครงรถที่มีเพลาล้อที่สมบูรณ์ในตัวเอง โดยรถพ่วงยกเทได้ (ดั๊มพ์) จะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น


รถพ่วงพื้นเรียบ

เป็นรถที่มีพื้นสำหรับบรรทุกสินค้าทั่วไปโดยมีทั้งพื้นไม้และพื้นเหล็ก ติดตั้งชุดล็อคตู้คอนเทนเนอร์ (Twist lock) สำหรับบรรทุกตู้สินค้าขนาด 20’, 40’ และ สามารถบรรทุกสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ เช่น ม้วนเหล็ก สินค้าพาเลท ปูนซิเมนต์ถุง เป็นต้น


รถพ่วงถังบรรทุกปูนผง หรือ อาหารสัตว์

– สำหรับรถพ่วงถังบรรทุกปูนผง เป็นรถพ่วงที่เหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภท ซีเมนต์ ฝุ่นถ่าน ปูนขาวและผงหินแร่ ที่เป็นผงแห้งเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ 0.1 มิลลิเมตร

– สำหรับรถพ่งบรรทุกอาหารสัตว์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “รถไซโล” ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นหลัก


ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 1

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 1 ความคุ้มครองต่างๆจะเหมือนกับในส่วนของประกันภัยรถยนต์ คือให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากรถชนรถ หรือรถชนสิ่งอื่นๆ โดยรถของคุณจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็คุ้มครองในทุกกรณี รวมถึงการคุ้มครองคู่กรณีด้วย พร้อมทั้งคุ้มครองกรณีที่รถสูญหายหรือถูกโจรกรรม และเสียหายจากไฟไหม้ อีกด้วย โดยประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 1 แบ่งความคุ้มครองหลักๆ เป็น 3 ส่วน คือ

1. ความคุ้มครองต่อทรัพย์สิน และบุคคลภายนอก

  •  คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิตร่างกายบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัย
  •  คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

2. ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ

  •  คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ – การชนแบบไม่มีคู่กรณี
  •  คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ – การชนแบบมีคู่กรณี
  •  คุ้มครองรถยนต์สูญหาย/ถูกโจรกรรม
  •  คุ้มครองความเสียหายจากไฟไหม้

3. ความคุ้มครองเพิ่มเติมแนบท้าย

  •  ค่ารักษาพยาบาล
  •  การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
  •  การประกันตัวผู้ขับขี่

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 2

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 2 เป็นประกันที่มีความคุ้มครองคล้ายกับประกันภัยรถบรรทุกใ (รถใหญ่) ชั้น 1 แต่จะต่างกันตรงที่ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 2 จะไม่ได้คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกัน ยกเว้นกรณีสูญหายหรือไฟไหม้ที่จะยังคุ้มครองอยู่ โดยประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 2 แบ่งความคุ้มครองหลักๆ เป็น 3 ส่วน คือ

1. ความคุ้มครองต่อทรัพย์สิน และบุคคลภายนอก

  •  คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิตร่างกายบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัย
  •  คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

2. ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ

  •  คุ้มครองรถสูญหาย/ถูกโจรกรรม
  •  คุ้มครองความเสียหายจากไฟไหม้

3. ความคุ้มครองเพิ่มเติมแนบท้าย

  •  ค่ารักษาพยาบาล
  •  การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
  •  การประกันตัวผู้ขับขี่

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 3

ประกันภัยรถบรรทุก (รถใหญ่) ชั้น 3 เป็นประกันภัยที่เหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่รถอย่างปลอดภัย และอายุรถค่อนข้างมาก โดยจะคุ้มครองเฉพาะชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเท่านั้น สามารถแบ่งความคุ้มครองหลักๆ เป็น 2 ส่วนคือ

1. ความคุ้มครองต่อทรัพย์สิน และบุคคลภายนอก

  •  คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิตร่างกายบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถคันเอาประกันภัย
  •  คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

2. ความคุ้มครองเพิ่มเติมแนบท้าย

  •  ค่ารักษาพยาบาล
  •  การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
  •  การประกันตัวผู้ขับขี่

ตารางแสดงอัตราเบี้ยพรบ.รวมภาษีในรถแต่ละประเภท (บาท)

1. รถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์



ยินดีให้คำปรึกษาเบี้ยประกันภัยพิเศษสำหรับเจ้าของกิจการ

เพิ่มเพื่อน

ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676