






























รถบรรทุก หรือ รถใหญ่ เป็นรถที่ใช้สำหรับเชิงพาณิชย์เพื่อการบรรทุกสินค้าที่หลากหลายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง โดยบริษัท นำสินประกันภัย รับประกันภัยทั้งการใช้ภายในประเทศ และ สามารถขยายความคุ้มครองข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้
ลักษณะรถบรรทุกที่ใช้มักจะขึ้นกับลักษณะสินค้าที่ใช้ขน เช่น รถหัวลาก ซึ่งมีกำลังเครื่องยนต์มากที่สุดจะใช้ขนตู้ container ที่มีสินค้าอยู่ภายในไปทั้งตู้ ในขณะที่รถสิบล้อ หรือ รถหกล้อ จะใช้ขนสินค้าได้หลายแบบ เช่น ขนดิน, ขนทราย, หรือสินค้าอุปโภคบริโภค และใช้ผ้าใบคลุมเอาไว้ หรือ ต่อตู้ทำเป็นตู้ทึบ เพื่อป้องกันสินค้าเปียกน้ำ หรือ ต่อตู้เย็น(ตู้ที่มีเครื่องทำความเย็น) เพื่อใช้ขนสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ
การเลือกทำประกันประเภทรถบรรทุก มีการแบ่งประเภทของประกันเหมือนๆ กับประกันภัยรถยนต์ทั่วไป อย่าง ประกันชั้น 1 , 2 และ 3 โดยจะมีการกำหนดอายุ ขนาดของรถบรรทุก ในการเลือกทำประกันบรรทุกที่เหมาะสมที่สุด ดังนี้
– ประกันชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุด คือ คุ้มครองตัวรถเอาประกันทุกกรณี และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับรถที่ยังไม่หมดภาระไฟแนนซ์ หรือ รถที่อายุไม่เกิน 15 ปี
– ประกันชั้น 2 คุ้มครองตัวรถเอาประกันกรณีสูญหาย ไฟไหม้ และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับผู้ประกันที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยประกันภัยลง
– ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นการประกันภัยขั้นต่ำที่ผู้ประกอบการทุกคน ต้องทำติดไว้ เพราะรถบรรทุกนั้นมีขนาดใหญ่ ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีความรุนแรงที่มากกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะเป็นตู้ทึบ และมีหลังคาและตัวถังที่บรรทุกระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับเป็นตอนเดียว โดยจะมีประตูบานใหญ่ไว้สำหรับให้ผู้โดยสารขึ้นลง หรือจะเลือกเปิดท้ายก็ได้ มีน้ำหนักไม่เกิน 12 ตัน มี 4 ล้อ หรือ 6 ล้อ

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะด้านหน้าเหมือนกับรถบรรทุกตู้แห้ง แต่ส่วนท้ายจะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า โดยส่วนมากใช้บรรทุกหิน ดิน ทราย ปูน อิฐ เป็นต้น มีน้ำหนักเกิน 12 ตัน มี 6 ล้อ

จัดเป็นรถบรรทุกเฉพาะกิจ ใช้ในกิจการใดกิจการหนึ่งโดยเฉพาะ โดยรถโม่ปูน หรือ รถโม่ผสมคอนกรีตมี 2 ประเภท คือ รถโม่ผสมคอนกรีตขนาดใหญ่ หรือรถโม่ใหญ่ นิยมใช้เป็นรถ 10 ล้อ(รถสิบล้อบรรทุกคอนกรีต) และรถโม่ผสมคอนกรีตขนาดเล็กหรือรถโม่เล็กนิยมใช้เป็นรถ 6 ล้อ(รถหกล้อบรรทุกคอนกรีต)

เป็นรถบรรทุกที่มีการติดตั้งเครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิกส์เครนไว้ด้านท้าย เพื่อใช้สำหรับยกของหนัก หรือติดตั้งกระเช้า

รถเฮี๊ยบ คือรถบรรทุกที่ติดตั้งเครนสำหรับยกสิ่งของซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแตกต่างกันออกไป เช่น Boom Truck(USA) , Truck Loader Crane(Japan) , Vehicle Loading(Australia) ปัจจุบันรถเฮี๊ยบ ได้พัฒนาเป็นเครนที่สามารถพับเก็บได้ มีประสิทธิภาพในการยกน้ำหนักได้สูงเมื่อเทียบกับน้ำหนักของตัวเครน มีขนาดกระทัดรัด ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย ช่วยเพิ่มเนื้อที่ส่วนที่จะใช้บรรทุกได้มากขึ้น

เครน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปั้นจั่น“ “เครน” คือ เครื่องจักรกลที่ใช้ยกสิ่งของหนัก ขึ้นลงตามแนวดิ่ง และเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านั้น ในลักษณะแขวนลอยไปตามแนวราบ
มี 2 แบบ คือ เครนเคลื่อนที่ได้ (Mobile Cranes) หรือรถเครน และเครนเคลื่อนที่ไม่ได้ (Stationary Cranes)
โดยรถเครนแบ่งเป็น 4 ชนิด คือ
1. รถเครนตีนตะขาบ
2. รถเครนล้อยาง
3. รถเครน 4 ล้อ
4. เครนติดรถบรรทุก

Hooklift เป็นอุปกรณ์สำหรับติดรถบรรทุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความสะดวกและรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ให้รถบรรทุกสามารถยกเทกระบะได้

คือรถบรรทุกที่ด้านท้ายติดตั้งเครื่องฉีดปูน หรือในทางอุตสาหกรรมเรียกกันว่า “ปั๊มคอนกรีต” หรือ “ปั๊มปูน” เป็นเครื่องจักรที่ใช้แรงดันเพื่อผลัก ดันให้คอนกรีตไหลไปในท่อส่งไปยังจุดที่ต้องการ คล้ายๆ กับปั๊มน้ำ ที่มีหน้าที่ดันน้ำให้ไหลไปตามท่อที่ต่อลำเลียง มีส่วนที่เป็นแขนกลไฮดรอลิกส์ที่สามารถยืดออกมาเพื่อลำเลียง คอนกรีตไปเทยังที่ต่างๆ ได้ ตัวปั๊มคอนกรีตและท่อส่งคอนกรีตจะถูก ติดตั้งไว้ด้วยกันบนรถบรรทุก ซึ่งทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายปั๊ม อีก ทั้งท่อส่งคอนกรีตจะถูกควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิก สามารถอำนวย ความสะดวกในการเทคอนกรีตได้เป็นอย่างดี

เป็นรถที่ใช้ในการบรรทุกเฉพาะเพื่อใช้ในการบรรทุกวัสดุอันตราย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สารเคมี วัตถุระเบิด วัสดุไวไฟ ซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะและมีป้ายเตือนอย่างชัดเจน

เป็นรถที่เป็นลักษณะสำหรับใช้ลากรถพ่วง รถกึ่งพ่วง เพราะรถเหล่านั้นจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองจึงต้องอาศัยรถประเภทนี้ในการลากจูง

เป็นรถที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จึงต้องอาศัยรถอื่นลากจูง จะมีโครงรถที่มีเพลาล้อที่สมบูรณ์ในตัวเอง โดยรถพ่วงยกเทได้ (ดั๊มพ์) จะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น

เป็นรถที่มีพื้นสำหรับบรรทุกสินค้าทั่วไปโดยมีทั้งพื้นไม้และพื้นเหล็ก ติดตั้งชุดล็อคตู้คอนเทนเนอร์ (Twist lock) สำหรับบรรทุกตู้สินค้าขนาด 20’, 40’ และ สามารถบรรทุกสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ เช่น ม้วนเหล็ก สินค้าพาเลท ปูนซิเมนต์ถุง เป็นต้น

– สำหรับรถพ่วงถังบรรทุกปูนผง เป็นรถพ่วงที่เหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภท ซีเมนต์ ฝุ่นถ่าน ปูนขาวและผงหินแร่ ที่เป็นผงแห้งเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ 0.1 มิลลิเมตร
– สำหรับรถพ่งบรรทุกอาหารสัตว์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “รถไซโล” ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นหลัก
1. รถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์

ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676















ข่าวดี ศรีกรุง เปิดสอบบัตรนายหน้าประกันชีวิต รอบพิเศษ
ด่วนจำนวนจำกัด ในวันอาทิตย์ ที่ 12 ธันวาคม 2564 เวลา 13.00 – 15.30 น
ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
รับจำนวน 100 ที่นั่ง
รีบสมัครและสำรองที่นั่งได้ที่
https://bit.ly/30tPMRO

ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676
ลูกค้าที่ถือกรมธรรม์เอเชีย ลงทะเบียนเรียกร้องสินไหมเอเชีย (ที่แจ้งเคลมแล้ว / เวนคืนกรมธรรม์) คลิก
คู่มือการกรอก link คลิก











ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676




รถประเภทอื่น ๆ ที่ ไม่ได้เป็นไปตามข้อ 1-3 เช่น “รถจักรยานยนต์” ให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องและตกลงกันได้ โดยพิจารณาหลักฐานเป็นกรณีไป



ข้อมูลทั่วไป
สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มีภารกิจหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยให้แก่ประชาชน ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ และผู้มีสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัย โดยการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องเรียนกับบริษัทประกันภัยอย่างเป็นระบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน เพื่อเป็นการบริการประชาชนได้อย่างสะดวก ถูกต้อง รวดเร็ว ประหยัด และเป็นธรรม
ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัย (Insurance Complaint Center : ICC) มีภารกิจหลักในการรับเรื่องร้องเรียนและพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนเกี่ยวกับการประกันภัย โดยประชาชนสามารถร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนี้
(๑) ระบบการรับและพิจารณาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประกันภัยและการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการในเว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ.
https://complaintportal.oic.or.th/ppms/home
(๒) ยื่นหนังสือร้องเรียน หรือยื่นผ่านหน่วยงานอื่น และ
(๓) ประชาชนสามารถยื่นผ่านทางไปรษณีย์มายังสำนักงาน คปภ. หรือร้องเรียนด้วยตนเองที่ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัย (Insurance Complaint Center : ICC) ตั้งอยู่ที่สำนักงาน คปภ.ในส่วนกลาง และสำนักงาน คปภ. ภาค/เขต/จังหวัด ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ
ขั้นตอนการพิจารณาข้อร้องเรียนและดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยสรุปได้ดังนี้
(๑) เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว ให้เจ้าหน้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดทำหนังสือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือจดหมายอิเล็กทรอนิคส์ (E-Mail) ไปถึงผู้มีอำนาจของบริษัทประกันภัยเพื่อมาพบเจ้าหน้าที่และชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมแนบคำร้อง/เอกสารที่เกี่ยวข้อง หรือไฟล์เอกสารคำร้อง/เอกสารที่เกี่ยวข้อง
(๒) เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนและไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยโดยเร็ว
(๓) กรณีมีความจำเป็นต้องทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ให้เจ้าหน้าที่สอบถามข้อเท็จจริงจากผู้ร้องเรียนและบริษัทเพื่อหาข้อยุติ หากจำเป็นต้องรับฟังคำพยานภายนอก หรือจากหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานอื่น ให้เจ้าหน้าที่สอบถามข้อเท็จจริงไปยังพยานภายนอก หรือหน่วยงานนั้นๆ เป็นลายลักษณ์อักษร และหากได้พยานหลักฐานเอกสารครบแล้วให้สรุปประเด็นทั้งหมดและเชิญผู้ร้องเรียนมาหารืออีกครั้ง
(๔) ให้เจ้าหน้าที่แจ้งคู่กรณีทุกฝ่ายมาพร้อมกันเพื่อหาแนวทางประนอมข้อพิพาท หากสามารถตกลงกันได้ในประเด็นที่พิพาทข้อใดก็ให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การจัดทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความในประเด็นที่พิพาทนั้น ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรตามที่กฎหมายกำหนด
(๕) กรณีเจ้าหน้าที่ดำเนินการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแล้ว หากคู่กรณีตกลงยุติข้อพิพาทกันไม่ได้ และเป็นกรณีที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ให้เจ้าหน้าที่สอบถามคู่กรณีว่าประสงค์จะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยโดยผู้ชำนาญการหรือไม่ หากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยโดยผู้ชำนาญการต่อไป
Link ที่น่าสนใจ
เอกสารเผยแพร่
ขั้นตอนการพิจารณาเรื่องร้องเรียน
แบบข้อร้องเรียน (แบบ ร.1) WORD PDF
แบบหนังสือมอบอำนาจ (แบบ ร. 2) WORD PDF
ประกาศ คปภ.
ระเบียบ/กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
หน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน
ที่อยู่สำนักงาน คปภ.เขต /จังหวัด และหมายเลขโทรศัพท์
ข้อมูลทั่วไป
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้ชำนาญการ เป็นกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองอย่าง “สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง โปร่งใส ประหยัด และเป็นธรรม” โดยในปี ๒๕๕๙ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้เปิด “ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัย (Insurance Mediation Center) แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่ของการระงับข้อพิพาทด้านประกันภัยโดยนำวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาใช้ในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องเรียนกับบริษัทประกันภัย และประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งก่อนที่จะมีการเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยฯ ได้มีการออกระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัย พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติในการระงับข้อพิพาทด้านการประกันภัยไว้อย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนที่มาร้องเรียนสามารถมีทางเลือกในการระงับข้อพิพาท ดังนี้
(๑) เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วจะต้องตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น และประสานงานบริษัทที่ถูกร้องเรียนเพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงชี้แจงทำความเข้าใจกับคู่กรณี หากในขั้นตอนนี้สามารถตกลงกันได้ก็จะมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน
(๒) หากตกลงกันไม่ได้ คู่กรณีก็สามารถเลือกใช้วิธีการไกล่เกลี่ย ซึ่งมีกระบวนตามระเบียบฯ ดังกล่าวรับรองอีกชั้นหนึ่ง โดยเมื่อคู่กรณีแจ้งความประสงค์เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย เจ้าหน้าที่จะนำเสนอเลขาธิการ เพื่อพิจารณาแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ยจากผู้ที่ขึ้นทะเบียนรายชื่อ โดยคำนึงถึงลักษณะของข้อร้องเรียนและความเหมาะสมของผู้ไกล่เกลี่ย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดต่อไป
(๓) คู่กรณีอาจคัดค้านผู้ไกล่เกลี่ยได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งเป็นเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางของผู้ไกล่เกลี่ย
(๔) เมื่อมีการแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ยในข้อพิพาทแล้ว ให้สำนักงานประสานงานผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อจัดให้มีการเริ่มไกล่เกลี่ยภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่สำนักงานแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ย
(๕) ผู้ไกล่เกลี่ยจะต้องดำเนินการไกล่เกลี่ยให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่เริ่มกระบวนการไกล่เกลี่ย หากผู้ไกล่เกลี่ยเห็นสมควรหรือคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอ ผู้ไกล่เกลี่ยอาจขยายระยะเวลาในการดำเนินการไกล่เกลี่ยออกไปอีกก็ได้ ถ้าการขยายระยะเวลาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ของคู่กรณีทุกฝ่าย และมิได้ทำให้การพิจารณาข้อพิพาทล่าช้าเกินสมควร ทั้งนี้ ให้ขยายระยะเวลาได้ไม่เกินสิบห้าวันและขยายได้ไม่เกินสองครั้ง โดยให้ขอขยายระยะเวลาก่อนครบกำหนด อย่างน้อยห้าวันทำการ
(๖) หากคู่กรณีตกลงยุติข้อพิพาทได้ ให้ทำบันทึกความตกลงประนีประนอมยอมความ
(๗) หากคู่กรณีไม่สามารถตกลงยุติข้อพิพาทได้ ให้เจ้าหน้าที่แจ้งคู่กรณีว่าสามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการได้ต่อไป
สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงาน คปภ.
การระงับข้อพิพาทด้านประกันภัย
ด้วยวิธีประนอมข้อพิพาทและวิธีอนุญาโตตุลาการ สำนักงาน คปภ.
การระงับข้อพิพาทด้านประกันภัยด้วยวิธีการประนอมข้อพิพาทและวิธีอนุญาโตตุลาการ (Alternative Dispute Resolution by Mediation and Arbitration) เป็นกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกนอกศาลที่กฎหมายรองรับการดำเนินการ โดยมีหน่วยงานและพนักงานเจ้าหน้าที่รับผิดชอบอำนวยความสะดวกและดูแลการดำเนินกระบวนการอนุญาโตตุลาการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตั้งแต่ต้นจน เสร็จสิ้นและมีคำชี้ขาดซึ่งเรียกว่า อนุญาโตตุลาการแบบสถาบัน (Institution Arbitration)
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่จัดให้มีกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ ภายใต้พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.๒๕๕๔ อันเป็นกระบวนการระงับข้อพิพาททางแพ่งและพาณิชย์ที่เกี่ยวกับสัญญาประกันภัย ระหว่าง ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หรือผู้ได้รับความเสียหายตามสัญญาประกันภัย กับบริษัทประกันภัย ตามที่กำหนดรองรับไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยทุกฉบับ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ประหยัด และเป็นธรรมจึงกำหนดให้มีระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.๒๕๕๑, ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๓ และระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยว่าด้วยการประนอมข้อพิพาทประกันภัยในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.๒๕๕๓ ภายใต้การดำเนินงานของฝ่ายระงับข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการ สายคดี สำนักงาน คปภ.
ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676

การระบุชื่อผู้ขับขี่ 1-2 ท่านนั้นจะทำให้เบี้ยประกันรถของท่านนั้นถูกลงไปอีก 5-20% แต่ว่าข้อเสียคือการขับขี่ของรถนั้นจะแปลว่า รถนั้นจะถูกขับได้แค่ชื่อของผู้ที่ระบุไว้ใบหน้าตารางกรมธรรม์เท่านั้น โดยปกติแล้วหากท่านมีคนขับมากกว่า 1-2 คนทางเราจะไม่แนะนำให้ระบุผู้ขับขี่
ส่วนลดประวัติดีนั้นจะได้ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันนั้นไม่ได้มีเคลมมาก่อนในปีที่ผ่านมา แต่เงื่อนไขตรงนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันนั้นเป็นคนกำหนด เนื่องจากรูปแบบแต่ละกรมธรรม์นั้นจะต่างกันไป
การติดกล้องหน้ารถนั้นจะทำให้เบี้ยประกันนั้นถูกลงมาอีก 5% แต่ว่าเงื่อนไขนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันนั้นเป็นคนกำหนด บางบริษัทประกันหรือบางแผนประกันนั้นจะรวมส่วนลดตรงนี้มาให้แล้ว หรือบางแผนนั้นจะสามารถขอส่วนลดการติดกล้องหน้ารถเพิ่มเติมได้
การใส่ค่าเสียหายส่วนแรกนั้นจะทำให้เบี้ยประกันนั้นถูกลงมามากพอสมควร การที่มีค่าเสียหายส่วนแรกจะมีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือจะทำให้เบี้ยประกันนั้นถูกกว่าเดิมเยอะ แต่แปลว่าการเคลมนั้น ทุกๆกรณีที่เป็นเคลมฝ่ายผิด ทางผู้เอาประกันนั้นจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกทันทีในการเคลม
หากท่านทำประกันรถมากกว่า 2-3 คันขึ้นไป ท่านจะได้ส่วนลดกลุ่ม ซึ่งจะเป็นส่วนลดที่ท่านจะได้ก็ต่อเมื่อ มีรถมากกว่า 2-3 คันและนำมาทำประกันภัยภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยคนเดียวกัน
การที่ท่านสมัครเป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ ที่เป็นพันธมิตรกับกว่า 35 บริษัทประกันภัยชั้นนำของประเทศไทย จะทำให้ซื้อประกันได้ในราคาทุน ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้มาก เช่น ค่าประกันรถยนต์ ค่าประกันอัคคีภัย ค่าประกันอุบัติเหตุ ค่าประกันสุขภาพรายปี และประกันอื่นๆอีกมากมาก
ซึ่งการสมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ สามารถสมัครได้ง่ายๆ ทางไลน์ @skbroker
ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676

หน่วย : บาท

ลักษณะรถบรรทุกที่ใช้มักจะขึ้นกับลักษณะสินค้าที่ใช้ขน เช่น รถหัวลาก ซึ่งมีกำลังเครื่องยนต์มากที่สุดจะใช้ขนตู้ container ที่มีสินค้าอยู่ภายในไปทั้งตู้ ในขณะที่รถสิบล้อ หรือ รถหกล้อ จะใช้ขนสินค้าได้หลายแบบ เช่น ขนดิน, ขนทราย, หรือสินค้าอุปโภคบริโภค และใช้ผ้าใบคลุมเอาไว้ หรือ ต่อตู้ทำเป็นตู้ทึบ เพื่อป้องกันสินค้าเปียกน้ำ หรือ ต่อตู้เย็น(ตู้ที่มีเครื่องทำความเย็น) เพื่อใช้ขนสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ
การเลือกทำประกันประเภทรถบรรทุก มีการแบ่งประเภทของประกันเหมือนๆ กับประกันภัยรถยนต์ทั่วไป อย่าง ประกันชั้น 1 , 2 และ 3 โดยจะมีการกำหนดอายุ ขนาดของรถบรรทุก ในการเลือกทำประกันบรรทุกที่เหมาะสมที่สุด ดังนี้
– ประกันชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุด คือ คุ้มครองตัวรถเอาประกันทุกกรณี และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับรถที่ยังไม่หมดภาระไฟแนนซ์ หรือ รถที่อายุไม่เกิน 15 ปี
– ประกันชั้น 2 คุ้มครองตัวรถเอาประกันกรณีสูญหาย ไฟไหม้ และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับผู้ประกันที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยประกันภัยลง
– ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นการประกันภัยขั้นต่ำที่ผู้ประกอบการทุกคน ต้องทำติดไว้ เพราะรถบรรทุกนั้นมีขนาดใหญ่ ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีความรุนแรงที่มากกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะเป็นตู้ทึบ และมีหลังคาและตัวถังที่บรรทุกระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับเป็นตอนเดียว โดยจะมีประตูบานใหญ่ไว้สำหรับให้ผู้โดยสารขึ้นลง หรือจะเลือกเปิดท้ายก็ได้ มีน้ำหนักไม่เกิน 12 ตัน มี 4 ล้อ หรือ 6 ล้อ

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะด้านหน้าเหมือนกับรถบรรทุกตู้แห้ง แต่ส่วนท้ายจะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า โดยส่วนมากใช้บรรทุกหิน ดิน ทราย ปูน อิฐ เป็นต้น มีน้ำหนักเกิน 12 ตัน มี 6 ล้อ

จัดเป็นรถบรรทุกเฉพาะกิจ ใช้ในกิจการใดกิจการหนึ่งโดยเฉพาะ โดยรถโม่ปูน หรือ รถโม่ผสมคอนกรีตมี 2 ประเภท คือ รถโม่ผสมคอนกรีตขนาดใหญ่ หรือรถโม่ใหญ่ นิยมใช้เป็นรถ 10 ล้อ(รถสิบล้อบรรทุกคอนกรีต) และรถโม่ผสมคอนกรีตขนาดเล็กหรือรถโม่เล็กนิยมใช้เป็นรถ 6 ล้อ(รถหกล้อบรรทุกคอนกรีต)

เป็นรถบรรทุกที่มีการติดตั้งเครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิกส์เครนไว้ด้านท้าย เพื่อใช้สำหรับยกของหนัก หรือติดตั้งกระเช้า

รถเฮี๊ยบ คือรถบรรทุกที่ติดตั้งเครนสำหรับยกสิ่งของซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแตกต่างกันออกไป เช่น Boom Truck(USA) , Truck Loader Crane(Japan) , Vehicle Loading(Australia) ปัจจุบันรถเฮี๊ยบ ได้พัฒนาเป็นเครนที่สามารถพับเก็บได้ มีประสิทธิภาพในการยกน้ำหนักได้สูงเมื่อเทียบกับน้ำหนักของตัวเครน มีขนาดกระทัดรัด ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย ช่วยเพิ่มเนื้อที่ส่วนที่จะใช้บรรทุกได้มากขึ้น

เครน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปั้นจั่น“ “เครน” คือ เครื่องจักรกลที่ใช้ยกสิ่งของหนัก ขึ้นลงตามแนวดิ่ง และเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านั้น ในลักษณะแขวนลอยไปตามแนวราบ
มี 2 แบบ คือ เครนเคลื่อนที่ได้ (Mobile Cranes) หรือรถเครน และเครนเคลื่อนที่ไม่ได้ (Stationary Cranes)
โดยรถเครนแบ่งเป็น 4 ชนิด คือ
1. รถเครนตีนตะขาบ
2. รถเครนล้อยาง
3. รถเครน 4 ล้อ
4. เครนติดรถบรรทุก

Hooklift เป็นอุปกรณ์สำหรับติดรถบรรทุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความสะดวกและรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ให้รถบรรทุกสามารถยกเทกระบะได้

คือรถบรรทุกที่ด้านท้ายติดตั้งเครื่องฉีดปูน หรือในทางอุตสาหกรรมเรียกกันว่า “ปั๊มคอนกรีต” หรือ “ปั๊มปูน” เป็นเครื่องจักรที่ใช้แรงดันเพื่อผลัก ดันให้คอนกรีตไหลไปในท่อส่งไปยังจุดที่ต้องการ คล้ายๆ กับปั๊มน้ำ ที่มีหน้าที่ดันน้ำให้ไหลไปตามท่อที่ต่อลำเลียง มีส่วนที่เป็นแขนกลไฮดรอลิกส์ที่สามารถยืดออกมาเพื่อลำเลียง คอนกรีตไปเทยังที่ต่างๆ ได้ ตัวปั๊มคอนกรีตและท่อส่งคอนกรีตจะถูก ติดตั้งไว้ด้วยกันบนรถบรรทุก ซึ่งทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายปั๊ม อีก ทั้งท่อส่งคอนกรีตจะถูกควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิก สามารถอำนวย ความสะดวกในการเทคอนกรีตได้เป็นอย่างดี

เป็นรถที่ใช้ในการบรรทุกเฉพาะเพื่อใช้ในการบรรทุกวัสดุอันตราย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สารเคมี วัตถุระเบิด วัสดุไวไฟ ซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะและมีป้ายเตือนอย่างชัดเจน

เป็นรถที่เป็นลักษณะสำหรับใช้ลากรถพ่วง รถกึ่งพ่วง เพราะรถเหล่านั้นจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองจึงต้องอาศัยรถประเภทนี้ในการลากจูง

เป็นรถที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จึงต้องอาศัยรถอื่นลากจูง จะมีโครงรถที่มีเพลาล้อที่สมบูรณ์ในตัวเอง โดยรถพ่วงยกเทได้ (ดั๊มพ์) จะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น

เป็นรถที่มีพื้นสำหรับบรรทุกสินค้าทั่วไปโดยมีทั้งพื้นไม้และพื้นเหล็ก ติดตั้งชุดล็อคตู้คอนเทนเนอร์ (Twist lock) สำหรับบรรทุกตู้สินค้าขนาด 20’, 40’ และ สามารถบรรทุกสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ เช่น ม้วนเหล็ก สินค้าพาเลท ปูนซิเมนต์ถุง เป็นต้น

– สำหรับรถพ่วงถังบรรทุกปูนผง เป็นรถพ่วงที่เหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภท ซีเมนต์ ฝุ่นถ่าน ปูนขาวและผงหินแร่ ที่เป็นผงแห้งเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ 0.1 มิลลิเมตร
– สำหรับรถพ่งบรรทุกอาหารสัตว์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “รถไซโล” ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นหลัก

รถบรรทุก หรือ รถใหญ่ เป็นรถที่ใช้สำหรับเชิงพาณิชย์เพื่อการบรรทุกสินค้าที่หลากหลายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง โดยบริษัท นำสินประกันภัย รับประกันภัยทั้งการใช้ภายในประเทศ และ สามารถขยายความคุ้มครองข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้
ลักษณะรถบรรทุกที่ใช้มักจะขึ้นกับลักษณะสินค้าที่ใช้ขน เช่น รถหัวลาก ซึ่งมีกำลังเครื่องยนต์มากที่สุดจะใช้ขนตู้ container ที่มีสินค้าอยู่ภายในไปทั้งตู้ ในขณะที่รถสิบล้อ หรือ รถหกล้อ จะใช้ขนสินค้าได้หลายแบบ เช่น ขนดิน, ขนทราย, หรือสินค้าอุปโภคบริโภค และใช้ผ้าใบคลุมเอาไว้ หรือ ต่อตู้ทำเป็นตู้ทึบ เพื่อป้องกันสินค้าเปียกน้ำ หรือ ต่อตู้เย็น(ตู้ที่มีเครื่องทำความเย็น) เพื่อใช้ขนสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ
การเลือกทำประกันประเภทรถบรรทุก มีการแบ่งประเภทของประกันเหมือนๆ กับประกันภัยรถยนต์ทั่วไป อย่าง ประกันชั้น 1 , 2 และ 3 โดยจะมีการกำหนดอายุ ขนาดของรถบรรทุก ในการเลือกทำประกันบรรทุกที่เหมาะสมที่สุด ดังนี้
– ประกันชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุด คือ คุ้มครองตัวรถเอาประกันทุกกรณี และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับรถที่ยังไม่หมดภาระไฟแนนซ์ หรือ รถที่อายุไม่เกิน 15 ปี
– ประกันชั้น 2 คุ้มครองตัวรถเอาประกันกรณีสูญหาย ไฟไหม้ และคุ้มครองชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก เหมาะสำหรับผู้ประกันที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยประกันภัยลง
– ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะชีวิต/ทรัพย์สิน บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นการประกันภัยขั้นต่ำที่ผู้ประกอบการทุกคน ต้องทำติดไว้ เพราะรถบรรทุกนั้นมีขนาดใหญ่ ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีความรุนแรงที่มากกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะเป็นตู้ทึบ และมีหลังคาและตัวถังที่บรรทุกระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับเป็นตอนเดียว โดยจะมีประตูบานใหญ่ไว้สำหรับให้ผู้โดยสารขึ้นลง หรือจะเลือกเปิดท้ายก็ได้ มีน้ำหนักไม่เกิน 12 ตัน มี 4 ล้อ หรือ 6 ล้อ

เป็นรถบรรทุกที่มีลักษณะด้านหน้าเหมือนกับรถบรรทุกตู้แห้ง แต่ส่วนท้ายจะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า โดยส่วนมากใช้บรรทุกหิน ดิน ทราย ปูน อิฐ เป็นต้น มีน้ำหนักเกิน 12 ตัน มี 6 ล้อ

จัดเป็นรถบรรทุกเฉพาะกิจ ใช้ในกิจการใดกิจการหนึ่งโดยเฉพาะ โดยรถโม่ปูน หรือ รถโม่ผสมคอนกรีตมี 2 ประเภท คือ รถโม่ผสมคอนกรีตขนาดใหญ่ หรือรถโม่ใหญ่ นิยมใช้เป็นรถ 10 ล้อ(รถสิบล้อบรรทุกคอนกรีต) และรถโม่ผสมคอนกรีตขนาดเล็กหรือรถโม่เล็กนิยมใช้เป็นรถ 6 ล้อ(รถหกล้อบรรทุกคอนกรีต)

เป็นรถบรรทุกที่มีการติดตั้งเครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิกส์เครนไว้ด้านท้าย เพื่อใช้สำหรับยกของหนัก หรือติดตั้งกระเช้า

รถเฮี๊ยบ คือรถบรรทุกที่ติดตั้งเครนสำหรับยกสิ่งของซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแตกต่างกันออกไป เช่น Boom Truck(USA) , Truck Loader Crane(Japan) , Vehicle Loading(Australia) ปัจจุบันรถเฮี๊ยบ ได้พัฒนาเป็นเครนที่สามารถพับเก็บได้ มีประสิทธิภาพในการยกน้ำหนักได้สูงเมื่อเทียบกับน้ำหนักของตัวเครน มีขนาดกระทัดรัด ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย ช่วยเพิ่มเนื้อที่ส่วนที่จะใช้บรรทุกได้มากขึ้น

เครน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปั้นจั่น“ “เครน” คือ เครื่องจักรกลที่ใช้ยกสิ่งของหนัก ขึ้นลงตามแนวดิ่ง และเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านั้น ในลักษณะแขวนลอยไปตามแนวราบ
มี 2 แบบ คือ เครนเคลื่อนที่ได้ (Mobile Cranes) หรือรถเครน และเครนเคลื่อนที่ไม่ได้ (Stationary Cranes)
โดยรถเครนแบ่งเป็น 4 ชนิด คือ
1. รถเครนตีนตะขาบ
2. รถเครนล้อยาง
3. รถเครน 4 ล้อ
4. เครนติดรถบรรทุก

Hooklift เป็นอุปกรณ์สำหรับติดรถบรรทุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความสะดวกและรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ให้รถบรรทุกสามารถยกเทกระบะได้

คือรถบรรทุกที่ด้านท้ายติดตั้งเครื่องฉีดปูน หรือในทางอุตสาหกรรมเรียกกันว่า “ปั๊มคอนกรีต” หรือ “ปั๊มปูน” เป็นเครื่องจักรที่ใช้แรงดันเพื่อผลัก ดันให้คอนกรีตไหลไปในท่อส่งไปยังจุดที่ต้องการ คล้ายๆ กับปั๊มน้ำ ที่มีหน้าที่ดันน้ำให้ไหลไปตามท่อที่ต่อลำเลียง มีส่วนที่เป็นแขนกลไฮดรอลิกส์ที่สามารถยืดออกมาเพื่อลำเลียง คอนกรีตไปเทยังที่ต่างๆ ได้ ตัวปั๊มคอนกรีตและท่อส่งคอนกรีตจะถูก ติดตั้งไว้ด้วยกันบนรถบรรทุก ซึ่งทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายปั๊ม อีก ทั้งท่อส่งคอนกรีตจะถูกควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิก สามารถอำนวย ความสะดวกในการเทคอนกรีตได้เป็นอย่างดี

เป็นรถที่ใช้ในการบรรทุกเฉพาะเพื่อใช้ในการบรรทุกวัสดุอันตราย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สารเคมี วัตถุระเบิด วัสดุไวไฟ ซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะและมีป้ายเตือนอย่างชัดเจน

เป็นรถที่เป็นลักษณะสำหรับใช้ลากรถพ่วง รถกึ่งพ่วง เพราะรถเหล่านั้นจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองจึงต้องอาศัยรถประเภทนี้ในการลากจูง

เป็นรถที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จึงต้องอาศัยรถอื่นลากจูง จะมีโครงรถที่มีเพลาล้อที่สมบูรณ์ในตัวเอง โดยรถพ่วงยกเทได้ (ดั๊มพ์) จะมีชุดอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ เพื่อใช้ยกเทสินค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น

เป็นรถที่มีพื้นสำหรับบรรทุกสินค้าทั่วไปโดยมีทั้งพื้นไม้และพื้นเหล็ก ติดตั้งชุดล็อคตู้คอนเทนเนอร์ (Twist lock) สำหรับบรรทุกตู้สินค้าขนาด 20’, 40’ และ สามารถบรรทุกสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ เช่น ม้วนเหล็ก สินค้าพาเลท ปูนซิเมนต์ถุง เป็นต้น

– สำหรับรถพ่วงถังบรรทุกปูนผง เป็นรถพ่วงที่เหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภท ซีเมนต์ ฝุ่นถ่าน ปูนขาวและผงหินแร่ ที่เป็นผงแห้งเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ 0.1 มิลลิเมตร
– สำหรับรถพ่งบรรทุกอาหารสัตว์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “รถไซโล” ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นหลัก
1. รถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์

ปรึกษาประกันภัยได้ที่ 083-9690676